วันพุธที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2553

บทความจาก Siriraj ตอน เยื่อแก้วหูอักเสบเฉียบพลัน

เยื่อแก้วหูอักเสบเฉียบพลัน

ผศ.นพ.ปารยะ อาศนะเสน
ภาควิชาโสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา
Faculty of Medicine Siriraj Hospital
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

 



          การอักเสบของเยื่อแก้วหู อาจพบได้โดยเป็นการอักเสบที่เยื่อแก้วหูอย่างเดียว หรือพบร่วมกับการอักเสบติดเชื้อของหูชั้นนอก /หูชั้นกลางก็ได้ อาจเกิดภายหลังการบาดเจ็บ(เช่น การแคะหู เขี่ยหู)หรือภายหลังการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจส่วนบน โดยเฉพาะในช่วงที่มีการระบาดของไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ผู้ใหญ่หรือเด็กก็เป็นได้สาเหตุอาจเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย(เช่น Hemolytic streptococcus),pneumococci,mycoplasma pneumoniae หรือไวรัส (เช่น influenza)

 
อาการ

1. ปวดหู เป็นอาการที่พบได้บ่อยที่สุด และเป็นอาการสำคัญที่ผู้ป่วยมาพบแพทย์ อาการปวดอาจจะรุนแรงหรือไม่ก็ได้ ผู้ป่วยเด็กถ้าปวดมักจะร้องตลอดเวลา ไม่ยอมหลับ มักปวดตอนกลางดึก อาจมีของเหลวไหลออกมาจากช่องหู

2. ไข้ ผู้ป่วยอาจมีไข้ หรือไม่มีไข้ร่วมด้วยก็ได้

3. หูอื้อ ผู้ป่วยอาจรู้สึกตื้อ ๆ ในช่องหูคล้ายได้ยินไม่ค่อยชัด

 
อาการแสดง

          เยื่อบุแก้วหูส่วนที่มีการอักเสบจะมีสีแดง เนื่องจากมีเลือดมาคั่งบริเวณดังกล่าวมากกว่าปกติ ในผู้ป่วยบางรายอาจพบตุ่มน้ำบนเยื่อบุแก้วหู น้ำที่ขังอยู่ในตุ่มน้ำมักมีสีเหลือง ถ้าเส้นเลือดภายในแตกอาจมีสีแดงอ่อนได้


การรักษา

1. ยาต้านจุลชีพ:ในรายที่สงสัยว่าเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ควรรับประทานยาต้านจุลชีพอย่างน้อย 1 สัปดาห์ แต่ถ้าสงสัยว่าเกิดจากเชื้อไวรัสไม่จำเป็นต้องรับประทานยาต้านจุลชีพ การอักเสบของเยื่อบุแก้วหูดังกล่าวมักหายได้เอง

2. ยาหยอดหู:ถ้าสงสัยว่าเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย อาจหยอดยาหยอดหูที่มีส่วนผสมของยาต้านจุลชีพ และเลือกยาหยอดหูที่มีส่วนผสมของยาชาด้วย เพื่อลดอาการปวด

3. ยาแก้ปวด และลดไข้ หรือบรรเทาอาการ



          ถ้าผู้ป่วยมีตุ่มน้ำบนเยื่อแก้วหู ตุ่มน้ำดังกล่าว มักจะแตกออกได้เองประมาณ 2-3 วันหลังเกิดโรค ถ้าผู้ป่วยมีอาการปวดมาก อาจเจาะตุ่มน้ำให้แตกออก เพื่อลดอาการปวดได้


เครดิต : http://www.si.mahidol.ac.th/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น