วันพุธที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2553

บทความจาก Siriraj ตอน โรค...ของคนอยากผอม (1)

โรค...ของคนอยากผอม (1)
 
 
รศ.พญ. ปรียานุช แย้มวงษ์
อายุรแพทย์ด้านโภชนศาสตร์คลินิก
 
 
          พวกเราอาจจะเคยได้ยินเรื่องราวของคนอยากผอมจนทำให้เสียชีวิตกันมาบ้าง เกิดอะไรขึ้นกับคนกลุ่มนี้ เรามาดูพร้อมๆ กันเลยค่ะ
 
          
 
          เป็นธรรมดาที่คนอยากผอม จะพยายามระวังอาหารของตัวเองอย่างมาก แทบจะนับพลังงานและแคลอรีที่กินเข้าไปตลอดเวลา ถ้าจะถามว่าอะไรคือสาเหตุของการอยากผอม คงจะหนีไม่พ้นเรื่องของการอยากมีรูปร่างตามค่านิยมของสังคมและแฟชั่น หรืออาจเพราะความจำเป็นทางอาชีพ เช่น ดารา นางแบบที่ต้องการผู้ที่รูปร่างผอมบาง เพื่อเวลาเข้ากล้องจะได้ไม่ดูอวบอิ่มจนเกินไป
  
          สำหรับคนอยากผอมทั่วไป มักใช้การจำกัดอาหาร และกินอาหารที่มีพลังงานต่ำ บวกกับการออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญพลังงาน ซึ่งถ้าปฏิบัติตามนี้อย่างสม่ำเสมอก็คงเห็นผลในเร็ววัน แต่หลายรายไม่สามารถทำได้ จึงอาศัยยาเป็นที่พึ่งหลัก โดยที่ไม่รู้ว่ายานี่แหละเป็นตัวการสำคัญนำไปสู่ความหายนะทั้งต่อตนเองและครอบครัว
 
 ทั้งนี้ยาลดน้ำหนักที่ใช้กันอยู่ตามท้องตลาด แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ
 
1. กลุ่มที่ลดการดูดซึมของไขมัน ไม่ค่อยมีผลแทรกซ้อนที่รุนแรงมากนัก ถ้ากินอาหารมันมาก ก็จะ ท้องเสีย กลั้นอุจจาระไม่อยู่ ผายลมออกมาเป็นน้ำมัน ฯลฯ ซึ่งไม่มีอันตรายต่อสุขภาพ แต่อาจทำลายความมั่นใจและทำให้เกิดความกังวลบ้าง
 
2. กลุ่มที่ทำให้หิวน้อย เป็นยาที่ผลิตออกมาในระยะหลัง แต่ยังมีผลข้างเคียง เช่นปากแห้ง คอแห้ง ปวดศีรษะ และความดันโลหิตสูงขึ้น นอกจากนี้ยังมีราคาแพงมาก
 
3. กลุ่มที่ทำให้ไม่อยากอาหาร มีผลเสียหลายอย่าง เช่น ปากแห้ง คอแห้ง หงุดหงิด นอนไม่หลับ ปวดศีรษะ ความดันโลหิตสูงขึ้น บางชนิดทำให้เกิดแรงดันในปอดสูงขึ้น โรคลิ้นหัวใจรั่ว เกิดเลือดออกในสมองได้ ยาพวกนี้แม้จะไม่มีจำหน่ายในประเทศไทยแล้ว แต่ยังสามารถสั่งโดยตรงทางอินเทอร์เน็ตจากประเทศจีนได้ เคยมีข่าวที่ผู้ป่วยสั่งยามาใช้เองและเกิดเสียชีวิตในประเทศสิงคโปร์มาแล้ว
 
 
          นอกจากนี้ปัญหาจากการใช้ยาลดน้ำหนักในกลุ่มที่ 2 และ 3 อีกอย่างคือ เมื่อหยุดใช้ จะหิวและเจริญอาหารมาก ๆ จนน้ำหนักกลับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว บางรายน้ำหนักเพิ่มมากกว่าก่อนใช้เสียอีก จนต้องกลับไปใช้ยาอีก ทำให้เกิดภาวะน้ำหนักเพิ่มๆ ลด ๆ ที่เรียกว่า Yo-Yo effect ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างมาก
 
          แค่นี้ก็แย่แล้ว แต่ที่ยิ่งกว่านั้นอีกก็คือผู้ที่จิตใจอยากผอมผิดผู้ผิดคนโดยที่ตนเองไม่รู้ว่ากำลังเข้าข่ายเป็นโรคอยากผอม


เครดิต : http://www.si.mahidol.ac.th/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น